icon-page

ข่าวประชาสัมพันธ์

‘เอเปค’หลังยุคโควิด BCG ฟื้นฟู-เชื่อมโยงเศรษฐกิจ

        การเกิดโรคระบาดใหญ่ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาสร้างผลกระทบไปทั่วโลกขณะเดียวกันก็เป็นจุดเปลี่ยนสร้างเมกะเทรนด์เมื่อโควิด-19 เร่งเมกะเทรนด์ทางเศรษฐกิจ ดังนั้น BCG เป็นแพลตฟอร์มช่วยเชื่อมโยง APEC ครั้งใหญ่ทั้งเศรษฐกิจการค้า การเงินเทคโนโลยี และนวัตกรรมไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก(APEC) ภายใต้ธีม “Opan. Connect. Balance.” หรือ “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์เชื่อมโยงกันสู่สมดุล” ได้นำเสนอแนวทางเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy Model)เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังยุคโควิด-19

      “ธานี ทองภักดี” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมเอเปค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19ซึ่งเป็นประเต็นต่อเนื่องจากการประชุมเอเปคที่นิวซีแลนด์โดย มุ่งเนันการสร้างแผนภูมิอนาคต เพื่อก้าวข้ามวิกฤติต่อไปข้างหน้าเพราะสามารถพึ่งพาตนเองและพลังท้องถิ่นจำเป็นต้องส่งเสริม เศรษฐกิจในระยะยาวให้มีความยืดหยุ่นครอบคลุม สมดุลและยั่งยืน

       “เราเชื่อว่า แนวทางเศรษฐกิจ BCG จะช่วยนำเสนอแนวคิดที่ครอบคลุมเบื้องหลังในปีที่ไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุม APEC2022 และจะทำให้เอเปคเป็นกรอบความร่วมมือต้านการค้าและเศรษฐกิจที่เปิดกว้างสำหรับทุกโอกาส เชื่อมต่อในทุกมิติและสมดุลในทุกด้าน” ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าว

       ขณะเดียวกันแนวคิดเศรษฐกิจ BCG จะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในทุกมิติทั้งในเรื่องการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์และจัดการกับความไม่เท่าเทียมกัน และความไม่สมดุลโดยธรรมชาติที่ทำให้เศรษฐกิจของเราอ่อนแอลง

       ธานีกล่าวและว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ APEC มีเอกลักษณ์แฉพะตัวในฐานะเวทีเศรษฐกิจชั้นนำคือบทบาทที่เป็นแหล่งบ่มเพาะความคิด และความสามารถในการนำเสนอโซลูชั่นที่ใช้งานได้จริงและเป็นนวัฒกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการรวมทั้งเป็นแหล่งมุมมองและข้อมูลจากคณะผู้เชี่ยวชาญจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายในปัจจุบันตั้งแต่รัฐบาลไม่จนถึงภาคธุรกิจสถาบันการศึกษาองค์กรระหว่างประเทศ และ  

       “ไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนความยั่งยืนและวาระการเติบโตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนความยั่งยืนและวาระการเติบโตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอเปค โดยการปรับขนาดและเร่งการดำเนินงานที่มีอยู่และต่อยอดความก้าวหน้าในอดีดเพื่อส่งมอบผลลัพธิ์ที่เป็นรูปธรรม เยาวชน ล้วนมีความเกี่ยวข้องเพื่อให้แนใจว่า APEC สร้างความมีส่วนร่วมที่ตอบคำถามสำคัญในปัจจุบัน  

        “เหลียว เลย์เหมย” อธิบดีกรมพลังงานและอุตสาหกรรม กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ มองบริบทการค้าการลงทุนในยุคหลัง

โควิด-19 ว่า การเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่เป็นจุดเปลี่ยนให้สังคมของทุกประเทศได้เรียนรู้การปรับตัวเพื่อความยั่งยืน ทั้งในเรื่องการเสริมสร้างขีดความสามารถทรัพยากรมนุษย์การพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศตนเองควบคู่กับการพึ่งพาระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่มีความสมดุลและได้ประโยชน์อย่างเท่าเทียม

        “สุวิทย์ เมษินทรีย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตรีวิจัยและนวัตกรรมกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกครั้งใหญ่เริ่มเปลี่ยนแปลงในวันนี้ได้แก่ 1.การเปลี่ยนความคิด (Mindsel)    

สู่การเป็นสร้างศูนย์กลางระบบนิเวศ

(ecos ystem centric) ทางเศรษฐกิจให้

(ecosystem centric)ทางเศรษฐกิจให้ครอบคลุมสมดุลและยั่งยืนมากขึ้น    2.เปลี่ยนกลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคเอกชนเพราะปัจจุบันไม่อาจพูดเพียงเรื่องการเข้าถึงตลาดการลดกำแพงภาษีเท่านั้น แต่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมและเติบโตแบบสมดุล 

3.โลกมีภารกิจร่วมกันในเรื่องการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน(SDG) 17 ข้อ ซึ่งการประชุมเอเปคจะเป็นเวทีหนึ่งร่วมต่อจิ๊กซอว์โดยใช้แนวทางเศรษฐกิจ BCG เป็นตัวเชื่อมโยงให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืน

       “ทูตหลายชาติในยุโรปพูดตรงกันว่าไทยเป็นชาติแรกที่นำแนวคิดเศรษฐกิจBCG สร้างการเชื่อมโยงให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และตอบโจทย์โลกที่กำลังเผชิญกับความไม่ยั่งยืนในหลายด้านรวมทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพราะในส่วนเศรษฐกิจชีวภาพ เป็นเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมซึ่งแต่ละพื้นที่มีจุดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ล้วนเป็นโอกาสทางการค้าการลงทุนที่แตกต่างกัน” สุวิทย์ กล่าวพร้อมอ้างถึงผู้แทนของเวียดนามที่สะท้อนความเห็นว่า เวียดนามแบ่งเป็นเหนือและใต้ก็มีความหลากหลายสูง และมองว่า 21 เขตเศรษฐกิจ มีความหลากหลายและโดดเด่นต่างกัน จึงไม่ควรมุ่งแต่แข่งขันขณะเดียวกันสามารถพึ่งพาตนเองและพลังท้องถิ่น

(Local Empowerment)โดยไม่ต้องพึ่งแต่อุตสาหกรรมไฮเทคอย่างเดียวเพียงแต่ต้องเติมเต็มจุดนี้ด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการทำงานร่วมกันของเครือช่ายเอเปค

       “ในมุมของจีนและสหรัฐ แม้จะมีการแข่งขันทางเทคโนโลยีแต่หากมองผ่านองค์เครือช่ายเอเปคแนวคิดเศรษฐกิจ BCG จะเห็นว่าทุกประเทศมีโอกาสได้ประโยชน์ทั้งคู่” ดร.สุวิทย์ กล่าวและชี้ว่า BCG ยังตอบโจทย์โลกหลังโควิดเป็นเรื่องความมั่นคงของมนุษย์ด้านสุขภาพและสาธารณสุขนอกจากนี้ยังเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางอาหาร แรงงานสิ่งแวดล้อม พลังงานในอีกด้านหนึ่งของแนวคิดเศรษฐกิจ BCG ในเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวยังตอบโจทย์ความยั่งยืนทางธุรกิจ ซึ่งเห็นว่า รัฐบาลของ 21 เขตเศรษฐกิจต้องลงทุนในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีมากขึ้น รวมถึงสนับสนุนภาคเอกชน สตาร์ทอัพ ประชาชนได้ปรับตัวให้ทันกับเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งการค้าอีคอมเมิร์ชฟินเทค บิทคอยน์เพราะสิ่งนี้จะสร้างจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 ดร.สุวิทย์ กล่าวในตอนท้ายว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ภาครัฐจะมีบทบาทในเรื่องการระดมกองทุนสีเชียวให้ภาคธุรกิจทุกระดับได้ปรับตัวสู่เศรษฐกิจใหม่และให้ได้ประโยชน์ทั่วถึงเพราะการชี้แนะแต่แนวทางแต่ขาดปัจจัยด้านงบประมาณเข้ามาสนับสนุนก็ยากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง